ในการทำงานด้าน Infrastructure หน้าที่หลักก็คือการบริหารและจัดการพร้อมทั้งดูแล Server, Network, Storage เป็นเรื่องปกติของงานทางด้านนี้ รับผิดชอบมากมายก่ายกอง ระบบเป็นไรไม่รู้ Server โดนก่อนประจำ (เหมือนแพะยังไงไม่รู้ ฮาฮาฮา) แล้วปัญหาที่ต้องเจอเป็นประจำก็พอจะสรุปได้ประมาณนี้ครับ
- Server มีปัญหา Hardware error
- Server หมดประกันต้องทำการเปลี่ยนเครื่องใหม่ (ถ้าดวงดีคนที่รับผิดชอบ Application ยังเป็นคนเดิมถึอว่าดวงดีครับ ถ้ากรณีเป็นคนใหม่นี้เรื่องยาว บางทีแผ่น Application ยังไม่รู้อยู่ไหนเลยคู่มือก็ไม่มี สนุกสนานเลย ฮาฮาฮา)
- Server Performance รับโหลด (overload) ไม่ไว้ต้องเพิ่ม CPU Disk Memory หนักหน่อยก็ต้องเปลี่ยนเครื่อง
- Server โดน virus (Widnows Blue Screen)
- Application ช้า Server เป็นไรเปล่า (ไม่รู้เป็นไร Server โดนก่อน)
- Upgrade Application Version แล้วเอาไม่ขึ้นนี้งานเข้าเหมือนกัน
- Project ด่วนพึ่งอนุมัติต้องได้ Server ให้ทันภายในเวลา บลา บลา บลา บลา
- Disk เต็มเพิ่ม Disk ด่วน (ไม่เคย Clear Data เลยเพิ่มตลอด 5555)
- Server ตัวเดียวใช้มันทุกอย่าง แตะต้องไม่ได้เลย Share File, Web Application, Database Server (ตัวเดียวก็เสียวได้ Down มาทีไม่ต้องหลับต้องนอนกัน)
ปัญหาที่ได้กล่าวมาผมว่าน่าจะเจอเป็นเรื่องปกติและเรื่องประจำของการทำงานด้านนี้ และอีกปัญหาหนึ่งที่เจอเป็นประจำก็คือจะของ Down Server เพื่อ Maintenance Plan Down Time ล่วงหน้าเป็นเดือนพอถึงเวลาก็จะไม่ให้ Down อ้างนู๋นี้นั้น แต่มีเรื่องแปลกอยู่อย่างพอ Server มีปัญหา Down ขึ้นมาจริงๆรอได้ (ตอนหลังไม่ต้องแจ้ง Down เลยบอกเป็นนู๋เป็นนี้กลับรอได้ ฮาฮาฮา) เวลาในการทำงานก็แบบว่า 24x7 กันเลยทีเดียวไม่ว่าตอนไหนถ้าเกิดปัญหา ต้องเข้า Office ทันที เคยอยู่ที่ Office 3 วัน 3 คืนครับ
และแล้วเหมือนฟ้าบันดาล ส่งแก้วสารพันนึกมาให้เลย ก็ Virtual Server ไงครับ ทำให้เราหลุดพ้นจากปัญหาที่ต้องเจอมาแทบทั้งหมด (ออกแนวนิยายเศร้าเคล้าน้ำตา ฮาฮาฮา) มาเข้าเรื่อง Virtual Server กัน เมื่อประมาณ 7-8 ปีที่แล้วได้ยินเรื่อง Virtual Server ก็เลยหาข้อมูลดูว่ามันคืออะไร ทำอะไร พอหาข้อมูลมาได้ระดับหนึ่งก็เจอ Key Word อยู่ 2 อย่างที่ทำให้ผมสนใจมากๆคือ
- Virtual Server ไม่ขึ้นกับ Physical Server (Hardware)
- Virtual Server สามารถย้าย Online & Offline ไปที่ Physical Server ไหนก็ได้ (vMotion)
ผมสนใจกับ 2 Feature นี้มากเพราะว่าถ้าทำได้ Server จะไม่ขึ้นกับ Physical Server เลยแถมย้ายไปที่ไหนก็ได้ Physical Server เสียหรือมีปัญหาอะไรก็ย้ายไปตัวอื่นๆได้ แล้วยังมีเรื่อง SnapShot ซีงจะช่วยในเรื่องของการ Upgrade Application ได้ถ้า Upgrade แล้วมีปัญหาก็สามารถเอากลับมาเหมือนก่อนทำการ Upgrade ได้ด้วย เริ่มเห็นประโยชน์มันที่จะมาช่วยงานได้อย่างมากเลย เลยคิดว่าต้องเอามาลองของจริงกันหน่อย ก็ทำการหาว่ามี Product อะไรในตลาดบ้างในตอนนั้นมีอยู่ 2 ตัวครับ
- VMware vSphere ESXi ในตอนนั้นจะมีข้อดีที่สามารถใช้กับ CPU รุ่นเก่าได้และใช้กับ CPU ที่สนับสนุน Virtualization ก็ได้
- Virtual Iron ปัจจุบัน Oracle ซื้อไปแล้วเงียบไปเลย จะรองรับ CPU ที่สนับสนุน Virtualization ในเวลานั้นมันมีไม่กี่รุ่นออกมาทำให้ถ้าจะใช้ต้องซื้อ Server ใหม่
ก็เลยตัดสินใจเลือก VMware ก็ทำการจัดหามาทดสอบจำไม่ค่อยได้ว่ากี่ License เมื่อได้มาก็เริ่มทำการติตั้งและลองผิดลองถูกอยู่ประมาณเดือน ก็สามารถขึ้น vCenter และ vSphere ESXi ได้สำเร็จ เมื่อทำการติดตั้งพร้อมใช้งานก็เลยกลับมาดูว่าปัญหาที่เจอเป็นประจำนั้น Virtual Server มันช่วยได้จริงเปล่าก็ทำการแมป Feature ที่มีกับปัญหาที่เจอดูครับ
Problems | Feature |
Physical Server มีปัญหา,หมดประกัน | vMotion,HA |
Performance ไม่พอ, CPU Memory Disk | vMotion, Hot Add Resource |
Server โดน virus ใช้งานไม่ได้ | Data Protection (Backup Virtual Machine) |
Application ช้า | vCenter ดู Performance,DRS |
Upgrade Application | Snapshot, Data Protection,Clone |
ขอ Server ด่วน | Deploy Server Template ภายใน 5 นาทีเสร็จ |
ขอ Server Test ให้เหมือน Production เลย | Clone Server |
Server มีปัญหาต้อง Reboot | Remote เข้า vCenter Reboot Server อยู่ไหนก็ได้ |
Server จำนวนมากดูแลไม่หมด | vCenter ที่เดียวดูได้หมด (ปัจจุบันมี VM ที่ดูแลอยู่ 1,000) |
HA (High Availability) กรณีที่เกิดปัญหากับ ESXi Server จะทำการย้าย Virtual Machine ไป Restart ที่ ESXi Server ตัวอื่นใช้งานได้
DRS (Distributed Resource Scheduler) ช่วยในการจัดการ Resource แล้วทำการ Load Balance Virtual Machine ให้ใช้ Resource ให้มีประสิทธิมากที่สุด
แต่ก็เหมือนหลายๆท่านที่พอจะเริ่มใช้ก็มี คำถามเกิดขึ้นในใจว่า Virtual Server มันจะมีปัญหาหรือเพราะมันเป็น Software และ Preformance มันจะไหวเปล่า เป็นคำถามยอดฮิตเลย ผมก็เป็นเหมือนกันแต่ผมอาศัยว่าผมค่อยๆเริ่มใช้และทำการติดตั้งเองเลยค่อยๆลอง Server ที่ละนิดที่หน่อย พอมั่นใจมากขึ้นก็จัดเต็ม ใช้เวลาอยู่ 2 ปีจึงเป็น Virtual Server ทั้งหมดตอนนี้ที่ใช้อยู่มี Virtual Machine อยู่ประมาณ 1,000 กว่า VM แล้วครับ
- ปัญหาเรื่อง Software VMware ESXi นั้นผมยังไม่เคยเจอบั๊คขนาดที่ทำให้ระบบ Virtual Machine ใช้งานไม่ได้ ส่วนใหญ่จะเจอบั๊คของ Driver ของ LAN Card จะมีกรณีที่ ESXi 5.0 Upgrade เป็น ESXi 5.5 มีปัญหาเรื่อง LAN Card ซักพัก Upgrade ก็ใช้ได้ จะ Upgrade ESXi ให้ตรวจสอบ Compatibility List กันด้วยนะครับ หรือรอ ESXi Customize ของแต่ละ Verdor ก็ได้ครับ
- เรื่อง Performance นั้นผมก็ใช้ Tools หลายๆตัวลอง Monitor ดูก็มีค่าที่ถูกต้อง รับโหลดได้ตาม Sizing ขอพูดถึงงานที่ใช้อยู่ของจริงเลยดีกว่านะครับ Exchange 2013 8,000 user, SQL Server ใช้งานอยู่เป็น 1,000 user, Cirtix 1,000 user,Redhat Enterprise ใช้ Oracle Database เกือบ 500 user ก็ใช้งานได้ไม่มีปัญหาครับ
ผมว่า Virtual Machine นั้นจะมีจุดที่ควรระวังน่าจะเป็นเรื่อง Storage มากที่สุดครับเพราะ Virtual Machine ทั้งหมดจัดเก็บอยู่ถ้าเกิดอะไรกับ Storage ปวดหัวแน่ๆครับ เพราะฉะนั้นเลือก Disk Storage ดีๆครับ
บทความนี้ผมจะให้เห็นถึงที่ไปที่มาของการเริ่มเข้าสู่โลกของ Virtualization เพื่อที่จะปูทางของบทความต่อไปคือ การเริ่มใช้งาน VMware ผมอย่างให้เห็นถึงขั้นตอนในการศึกษา การใช้งานพร้อมทั้งวิธีการดำเนิน (implementation) แบบค่อยๆเป็นค่อยๆไป และวิธีการในการติดตั้งแบบ Step by Step เลย รวมถึงแนวคิด (ของผมนะครับ) ในการเริ่มต้นการใช้งานครับ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือใช้เป็นแนวทางในการทำโครงการ Virtual ครับ เจอกันในบทความ เริ่มต้นการใช้งาน VMware ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น