ในกล่องก็จะมี Surface Pro 3 มีปากกาพร้อมถ่านและ Power Supply มาให้ Surface Pro 3 นั้นปากกาต้องใช้ถ่านด้วย
Surafce Pro 3 เทียบกับ Surface Pro 1 จะบางกว่าเกือบครึ่งเลยและน้ำหนักก็เบากว่ามากเลยจนรู้สึกได้เลยครับ
Type Cover Keyboard ก็ใหญ่กว่ากันเห็นๆเลยครับ แถมมี Blacklight ด้วยใช้ทำงานตอนกลางคืนดีมาก pad mouse ก็ใช้ได้ดีกว่าเดิม
ตั้งคู่กันให้ดูเลยครับใหญ่กว่ากันพอสมควรเลยแต่น้ำหนักเบากว่ากันเกือบครึ่ง
Surface Pro 1 จะปรับระดับได้เพียงระดับเดียวส่วน Surface Pro 3 นั้นปรับได้หลายระดับทำให้สะดวกในการใช้งานมากขึ้น
ประกอบร่างเรียบร้อยตั้งคู่กันใหญ่กว่ากันพอสมควร
เปิด Web ก็จะเห็นว่าพื้นที่การแสดงผลนั้นมากกว่ากันอยู่เกือบครึ่งเลย
Type Cover Keyboard นั้นจะมีที่เสียบปากกามาให้ด้วย อีกด้านจะเป็นกาวสามารถติดกับ Keyboard ได้แต่ผมเห็นมันมีขายแบบเป็นแม่เหล็กด้วยเลยยังไม่ติด เดี๋ยวลองไปหาซื้อดูก่อนถ้ามีก็เก็บอันนี้ไว้ (แนวเสียตังค์อีกละ)
โต๊ที่ทำงานครับ เวลาใช้งาน Surface Pro 1 จะต่อจอ Dell 29” Wide Screen ใช้งานและใช้ Keyboard & Mouse เพราะ Keyboard ของ Surface Pro 1 นั้นมันคีย์ไม่มันครับ (555) แต่กับ Keyboard ของ Surface Pro 3 ที่ใช้อยู่ความรู้สึกเหมือน Keyboard ของ notebook
ปากกาของสีดำเป็นของ Surface Pro 1 สีเงินเทาเป็นของ Surface Pro 3 น้ำหนักของปากาของ Surface Pro 3 นั้นจะหนักกว่าของ Surface Pro 1 แต่กับให้ความรู้สึกในการเขียนเหมือนปากกาจริงๆ และปุ่มกดด้านบนเมื่อ กด 2 ครั้งสามารถเรียก Onenote ขึ้นมาใช้งานได้เลย และมีปุ่มข้างๆด้านบนใช้เป็น Click ขวาได้ด้วย ชอบมาก
ส่วนที่ Power Supply ของ Surface Pro 3 จะเล็กกว่าของ Surface Pro 1 และหัวสายชาร์ตก็ไม่เหมือนกันทำให้ใช้ร่วมกันไม่ได้ หัวชาร์ตของ SUrface Pro 3 จะดีกว่าตรงที่เสียบง่ายกว่าของ Surface Pro 1 มากๆๆสรุปโดยรวมๆ
- มีน้ำหนักที่เบากว่า Surface Pro 1 อย่างชัดเจน (เปรียบเทียบโดยการถึอด้วยมือซ้ายมือขวาเลยครับ)
- ขาตั้งปรับได้หลายระดับแทบจะได้ติดพื้นเลย ทำให้สะดวกในการใช้งานได้เป็นอย่างดี เพราะในการใช้งานจริงมุมมองของแต่ละคนไม่เหมือนกัน สามารถปรับให้เหมาะกับผู้ใช้งานได้อย่างเหมาะสมของแต่ละคนได้เลย
- Type Cover Keyboard ผมพูดได้เต็มปากเลยว่าของ Surface Pro 1 นั้นมีไว้ใช้ในยามจำเป็นเท่านั้น เพราะว่าความที่มันบางและเวลาใช้งานมันแนบติดกับพื้นที่ตั้ง เช่น โต็ เวลาคีย์ หรือพิมพ์ มันจะแข็งๆเหมือนกับว่าแรงกดมันไปที่พื้นเลยทำให้ความรู้สึกเหมือนเราพิมพ์กับพื้นโต๊ะ (อธิบายแล้ว งงกันเปล่าเหมือนเราพิมพ์งานที่พื้นโต๊ะอ่ะครับ) แต่ Type cover Keyboard ของ Surface Pro 3 นั้นจะกดขึ้นมาติดที่ ขอบของตัว Surface Pro 3 ทำให้ไม่ติดแนบพื้น ทำให้เวลาพิมพ์แล้วเด้งดีไม่เจ็บนิ้ว แถมมี blacklight สะดวกมากเวลาใช้ในที่มืดและมีขนาดใหญ่ขึ้น (ปุ่ม) ทำให้พิมพ์สะดวกมาก
- ขนาดจอที่ใหญ่ขึ้นจาก 10 นิ้วเป็น 12 นิ้วมันทำให้ใช้งานแทน Notebook ได้จริง
- Port ที่ให้มาเท่ากับ Surface Pro 1 USB 3 1 Port, Mini Display 1 Port (ดันไปอยู่ด้านบนทำให้เวลาเสียบสายจะเกะกะครับ), Audio Port 1 port, Port ใส่ Micro SD 1 Port
- ปากกาของ Surface Pro 3 จะต้องใส่ถ่านเพราะเปลี่ยนจาก Wacom มาใช้ของ N-Trig ดีกว่าเปล่าผมแยกไม่ออกครับในการใช้เขียนเท่าที่ใช้มา 2-3 วัน ดีลื่นดีครับ ส่วนอื่นๆผมแยกเป็นข้อๆนะครับ
- เรื่องน้ำหนัก Surface Pro 3 นี้หนักกว่าแต่กลับให้ความรู้สึกในการเขียนที่ดีกว่าครับ
- ปุ่มด้านบนเพิ่ม Function ในการกดสามารถเรียก onenote ได้จากการ Double Click และจะ Click เดียวจะเป็นการ Copy หน้าจอได้ ส่วนปุ่มข้างด้านบนใช้เป็น Click ขวาได้
- หัวสายชาร์ตแบบใหม่เสียบง่ายกว่าเดิมแบบเดิมมากครับ
ในความคิดของผมว่าของทุกอย่างนะครับจะแพงจะถูกไม่ได้อยู่ที่ราคาครับ มันอยู่ที่การนำไปใช้งานแล้วมันทำประโยชน์หรือเงินให้เราได้คุ้มกับราคาของมันหรือเปล่า แล้วเจอกันในบทความต่อไปครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น